โคมไฟถนน LED เลือกแบบมีระบบป้องกันไฟกระชาก หรือแบบไม่มีระบบ?

โคมไฟถนน LED กลายเป็นหัวใจสำคัญของโครงสร้างพื้นฐานด้านแสงสว่าง ด้วยประสิทธิภาพที่เหนือกว่า ทั้งการประหยัดพลังงาน อายุการใช้งานที่ยาวนาน และคุณภาพแสงที่ยอดเยี่ยม อย่างไรก็ตาม คุณสมบัติหนึ่งที่มักถูกละเลยแต่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความทนทานของโคมไฟ คือ "ระบบป้องกันไฟกระชาก (Surge Protection Device - SPD)" บทความนี้จะมาเจาะลึกถึงความแตกต่างและข้อดีข้อเสียของโคมไฟถนน LED ที่มีและไม่มีระบบป้องกันไฟกระชาก เพื่อให้คุณตัดสินใจเลือกได้อย่างชาญฉลาดและคุ้มค่าที่สุดสำหรับการใช้งานในระยะยาว

ทำความเข้าใจ "ไฟกระชาก" ภัยเงียบที่ทำลายอุปกรณ์ไฟฟ้า

ก่อนจะไปถึงระบบป้องกัน เรามาทำความเข้าใจกันก่อนว่า ไฟกระชาก (Surge) คืออะไร และมาจากไหน?

• ไฟกระชาก คือ การเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของแรงดันไฟฟ้าและกระแสไฟฟ้าในวงจรไฟฟ้า ซึ่งเกินกว่าระดับที่อุปกรณ์ออกแบบมาให้ทนทานได้ เพียงชั่วเสี้ยววินาที
• สาเหตุหลักของไฟกระชาก:
  • ฟ้าผ่า: ทั้งฟ้าผ่าโดยตรงและฟ้าผ่าใกล้เคียง ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของไฟกระชากที่รุนแรงที่สุด
  • การสับสวิตช์อุปกรณ์ไฟฟ้าขนาดใหญ่: เช่น มอเตอร์ขนาดใหญ่ หรือหม้อแปลงไฟฟ้าในระบบจำหน่าย
  • ความผิดปกติของระบบจ่ายไฟ: เช่น การลัดวงจร หรือการสับเปลี่ยนสายส่งไฟฟ้า

เมื่อเกิดไฟกระชาก แรงดันไฟฟ้าที่สูงผิดปกติจะไหลเข้าสู่วงจรภายในของโคมไฟถนน LED โดยตรง ทำให้ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่บอบบาง เช่น LED Driver และ LED Chip เกิดความเสียหายอย่างรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นการเสื่อมสภาพก่อนเวลาอันควร หรือชำรุดเสียหายทันที

โคมไฟถนน LED แบบมีระบบป้องกันไฟกระชาก (SPD)

โคมไฟถนน LED ประเภทนี้ถูกออกแบบมาพร้อมกับ Surge Protection Device (SPD) ซึ่งเป็นอุปกรณ์พิเศษที่ทำหน้าที่เปรียบเสมือน "วาล์วนิรภัย" ของระบบไฟฟ้า

• หลักการทำงาน: เมื่อเกิดไฟกระชาก SPD จะทำหน้าที่เป็นทางลัดให้แรงดันไฟฟ้าส่วนเกินไหลลงสู่กราวด์ (ดิน) แทนที่จะไหลเข้าสู่โคมไฟโดยตรง ทำให้แรงดันไฟฟ้าที่ไปถึงวงจรของโคมไฟอยู่ในระดับที่ปลอดภัย
• ข้อดี:
  • ยืดอายุการใช้งาน: ป้องกันความเสียหายต่อ LED Driver และ LED Chip ทำให้โคมไฟมีอายุการใช้งานตามที่ระบุ
  • ลดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา: ลดความถี่ในการเปลี่ยนหรือซ่อมแซมโคมไฟที่เสียหายจากไฟกระชาก
  • เพิ่มความน่าเชื่อถือ: ระบบแสงสว่างบนถนนมีความเสถียร ไม่ดับหรือกะพริบจากปัญหาไฟกระชากบ่อยครั้ง
  • ความปลอดภัย: ช่วยลดความเสี่ยงจากการที่อุปกรณ์เสียหายและอาจก่อให้เกิดอันตรายได้
• ระดับการป้องกัน (kV): SPD มีหลายระดับการป้องกัน เช่น 10kV, 20kV ซึ่งยิ่งมีค่า kV สูงเท่าไหร่ ยิ่งมีความสามารถในการทนทานต่อไฟกระชากได้มากเท่านั้น การเลือกค่า kV ควรพิจารณาจากสภาพแวดล้อมที่ติดตั้งและความเสี่ยงของฟ้าผ่าในพื้นที่นั้นๆ
• ตัวอย่างการใช้งาน: เหมาะสำหรับทุกพื้นที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่เปิดโล่ง ชนบท พื้นที่ที่มีความเสี่ยงฟ้าผ่าสูง หรือบริเวณที่การจ่ายไฟฟ้าไม่เสถียร

โคมไฟถนน LED แบบไม่มีระบบป้องกันไฟกระชาก

โคมไฟประเภทนี้มักเป็นตัวเลือกที่มีราคาถูกกว่าในตอนแรกเริ่ม แต่ไม่มีอุปกรณ์ SPD ติดตั้งมาให้ภายใน

• ข้อเสีย:
  • เสี่ยงต่อความเสียหายสูง: เมื่อเกิดไฟกระชาก โคมไฟจะไม่มีกลไกป้องกัน ทำให้ LED Driver และ LED Chip มีโอกาสเสียหายสูงมาก
  • อายุการใช้งานสั้น: โคมไฟมีแนวโน้มที่จะเสียบ่อยขึ้น โดยเฉพาะในฤดูฝนที่มีพายุและฟ้าผ่าบ่อยครั้ง
  • ค่าใช้จ่ายแฝงสูง: แม้ราคาเริ่มต้นถูกกว่า แต่ค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซม เปลี่ยนอะไหล่ หรือเปลี่ยนโคมไฟใหม่บ่อยๆ จะสูงกว่าในระยะยาว
  • ประสิทธิภาพการทำงานไม่ต่อเนื่อง: โคมไฟอาจดับบ่อยครั้ง ทำให้เกิดปัญหาด้านความปลอดภัยและทัศนวิสัยบนท้องถนน
• ตัวอย่างการใช้งาน: อาจพิจารณาในพื้นที่ปิด โครงการที่งบประมาณจำกัดอย่างมาก และมีความเสี่ยงไฟกระชากต่ำมาก (ซึ่งแทบเป็นไปไม่ได้สำหรับโคมไฟถนน) หรือโครงการที่ไม่ต้องการความน่าเชื่อถือสูงนัก (ซึ่งไม่แนะนำสำหรับโคมไฟถนน)

ตารางเปรียบเทียบ: มีระบบป้องกันไฟกระชาก VS ไม่มีระบบ

สรุปและคำแนะนำ: การลงทุนที่ชาญฉลาดเพื่อความยั่งยืน

การตัดสินใจเลือก โคมไฟถนน LED แบบมีระบบป้องกันไฟกระชาก (SPD) ถือเป็นการลงทุนที่ชาญฉลาดและคุ้มค่ากว่าในระยะยาวอย่างเห็นได้ชัด แม้ราคาเริ่มต้นอาจสูงกว่าเล็กน้อย แต่ผลตอบแทนที่ได้คือ อายุการใช้งานที่ยาวนานกว่า ค่าบำรุงรักษาที่ลดลงอย่างมหาศาล ความน่าเชื่อถือของระบบแสงสว่าง และที่สำคัญที่สุดคือ ความปลอดภัยบนท้องถนนที่เพิ่มขึ้น

เพราะแสงสว่างเป็นสิ่งสำคัญในทุกพื้นที่ของชีวิต RICHEST SUPPLY ศูนย์รวมผลิตภัณฑ์แสงสว่างที่มีคุณภาพ ได้มาตรฐาน ไม่ว่าจะเป็นโคมไฟถนน โคมไฮเบย์ สปอร์ตไลท์ หลอดไฟ LED โซล่าเซลล์ และเสาไฟ สนใจสอบถามข้อมูลสินค้าเพิ่มเติมที่ LINE Official Account: @richestsupply หรือ Facebook: https://www.facebook.com/enrichled